ยาเม็ดปาซินซุ่ย ยาบำรุงเลือด บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ เลือดลม เสริมภูมิต้านทานโรคเสริมสร้างกล้ามเนื้อ แก้ลมอัมพฤกษ์ ขับลมในลำไส้ ควบคุมความดันโลหิตบำรุงโลหิตให้สมบูรณ์PR9.คอร์ปอเรชั่นจำกัด

ยาเม็ดปาซินซุ่ย




ส่วนประกอบที่สำคัญในตัวยาต่อ 1 เม็ดแคปซูน
 มีดังนี้
โสมเกาหลี 


สรรพคุณของโสมเกาหลี

  1. รากโสมเกาหลี มีรสหวานชุ่ม ขมเล็กน้อย เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อปอด ม้าม และกระเพาะอาหาร ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงอวัยวะภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายชุ่มชื่น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย[3]
  2. ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ปรับการทำงานของต่อมไร้ท่อต่าง ๆ
  3. ช่วยแก้อาการหน้ามืดเป็นลม
  4. ช่วยแก้อาการเหงื่อออกไม่รู้ตัว กระหายน้ำ
  5. ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร
  6. ช่วยแก้หัวใจเต้นผิดปกติ หรือหายใจผิดปกติ
  7. โสมมีสรรพคุณเป็นยาช่วยบำรุงหัวใจ โดยออกฤทธิ์คล้ายกับยา digoxin ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ป้องกันภาวะเส้นเลือดอุดตัน
  8. ใช้รักษาและป้องกันโรคผนังเส้นเลือดแดงใหญ่หนาและแข็ง โดยโสมจะไปช่วยทำให้คอเลสเตอรอลที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดลดน้อยลง
  9. โสมมีฤทธิ์ต้านการจับตัวกันของเกล็ดเลือด อันเป็นสาเหตุสำคัญของการอุดตันของหลอดเลือด
  10. โสมมีฤทธิ์สร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งสามารถนำมาใช้รักษาผู้ที่มีเลือดน้อยหรือผู้ที่โลหิตจางและความดันต่ำได้ และยังช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงในกระดูกได้อีกด้วย
  11. โสมมีฤทธิ์ต้านพิษต่อตับ โดยโสมสามารถช่วยป้องกันการเกิดพิษต่อตับอันเกิดจากคลอโรฟอร์ม คาร์บอนเตตระคลอไรด์และแอลกอฮอล์ได้
  12. ใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติต่าง ๆ เช่น หย่อนสมรรถภาพทางเพศ อาการท้องผูก ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ โลหิตจาง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และความเครียด
  13. ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือนหรืออาการวัยทอง
  14. ช่วยลดอาการผิวหนังแห้งและเหี่ยวย่น จึงช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น
  15. ช่วยเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ป่วย ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการฉายรังสี จากการศึกษาพบว่าโสมสามารถช่วยต่อต้านโรคและอันตรายที่เกิดจากรังสีรวมถึงสารพิษต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  16. นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่ระบุว่าโสมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส HIV-1, ป้องกันอันตรายจากรังสีแกมมา, กระตุ้นการสร้างอสุจิ, เร่งการเจริญเติบโตของรังไข่และการตกไข่, ช่วยลดการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ฯลฯ
ตังกุย

สรรพคุณของตังกุย

  1. เหง้าตังกุยมีรสเผ็ดหวาน เป็นยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ตับ และม้าม ใช้เป็นยาบำรุงโลหิต ฟอกเลือด รักษาโรคโลหิตจาง ปริมาณเลือดมีน้อย สีเลือดจางอ่อน เนื่องจากตังกุยนั้นอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเลือด จึงช่วยรักษาภาวะเลือดพร่อง สีหน้าซีดขาวหรือซีดเหลือง เล็บและริมฝีปากซีด สีลิ้นซีด ช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลและทำให้ผิวพรรณดี นอกจากนี้ยังช่วยกระจายโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายให้ดีขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนสะดวก และช่วยสลายเลือดคั่ง โดยรากแก้วจะช่วยบำรุงเลือดดี ส่วนรากฝอยจะมีฤทธิ์สลายเลือดคั่ง จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอาการ
  2. ตังกุยเป็นสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย บำรุงสมอง ตับ ต่อมน้ำเหลือง และช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้ (ใช้ได้ดีทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะการมุ่งหวังเพื่อเป็นยาบำรุงร่างกาย)
  3. ตังกุยหรือโกฐเชียงมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ หูอื้อ ใจสั่น นอนไม่หลับ หลงลืมง่าย มือเท้าเย็นและชา
  4. ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ
  5. ช่วยแก้อาการสะอึก แก้หอบหืด แก้เสียดแทงสองราวข้าง
  6. ใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  7. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ลำไส้ ช่วยในการขับถ่าย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก ถ่ายแข็ง เนื่องจากเลือดพร่องจนทำให้ลำไส้ขาดความชุ่มชื้น
  8. ใช้เป็นยาแก้ท้องผูก แก้บิด ถ่ายเป็นเลือด ตกมูกเลือด
  9. ใช้รักษาอาการปวดท้อง ปวดข้อ อาการปวดหลังการผ่าตัด อาการปวดท้องในภาวะเย็นพร่อง ปวดท้องแบบชอบความร้อน ขี้หนาว
  10. ใช้เป็นยาแก้ปวดประจำเดือน ลดอาการปวดท้องประจำเดือนซึ่งเกิดจากการหดตัวของมดลูก ใช้รักษาอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ช่วยควบคุมรอบเดือนให้เป็นปกติ แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมาช้า และช่วยให้ผู้หญิงมีรอบเดือนกลับเป็นปกติหลังจากหยุดรับประทานยาคุมกำเนิด รักษาภาวะเลือดพร่องและเลือดคั่ง ประจำเดือนเป็นลิ่มเลือด รักษาความผิดปกติของประจำเดือน ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยทอง รวมไปถึงอาการช่องคลอดแห้งและภาวะซึมเศร้า ช่วยเสริมฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศหญิง (และฮอร์โมนเพศชาย) ทำให้ร่างกายใช้ฮอร์โมนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตังกุยจึงเป็นทางเลือกจากธรรมชาติของการให้ฮอร์โมนเพศหญิงทดแทน อีกทั้งตังกุยยังมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกได้เป็นอย่างดี (เพิ่มการบีบตัวของมดลูก) จึงนิยมนำมาใช้เป็นยาช่วยในการขับน้ำคาวปลา และช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ได้ดีและเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ซีสต์ในมดลูกหรือรังไข่ แก้สตรีตกเลือด และมีอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย ส่วนตำรับยาแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติของจีนนั้นจะใช้ตังกุยหรือโกฐเชียง 10 กรัม, เส็กตี่ 10 กรัม, โกฐหัวบัว 7 กรัม, แปะเจียก 7 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน ถ้ามีอาการปวดประจำเดือนให้เพิ่มหัวแห้วหมู 7 กรัม และโกฐจุฬาลำพาอีก 5 กรัม รวมกันต้มกับน้ำรับประทาน
  11. สตรีจีนนิยมใช้โกฐเชียงเป็นยากระตุ้นอวัยวะเพศหรือกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เพื่อให้ปรนนิบัติสามีได้ดีและเพื่อให้มีลูกดก
  12. ใช้เป็นยารักษาตับอักเสบเรื้อรัง
  13. ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บจากการชกต่อย จนเกิดรอยฟกช้ำ หรืออาการปวดจากฝีหนอง ขาเบาหวานเน่าเปื่อย
  14. ชาวจีนจะนิยมใช้โกฐเชียงหรือตังกุยมาก โดยรากส่วนบน จีนจะเรียก “ตังกุยเท้า” ซึ่งนำมาใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากแขนงจะเรียกว่า “ตังกุยบ๊วย” ซึ่งแพทย์แผนจีนจะใช้กับโรคสตรี เช่น ปวดเอว ปวดประจำเดือน ขับระดูของสตรี ปรับประจำเดือนให้เป็นปกติ แก้ประจำเดือนผิดปกติ ภาวะขาดประจำเดือน อาการร้อนวูบวาบ อาการท้องผูกของสตรีมีครรภ์ แก้รกตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ ปรับการไหลเวียนของเลือดให้เป็นปกติ เป็นยาบำรุงโลหิต นอกจากนี้ยังใช้รักษาเกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกชนิด ใช้ในภาวะขาดน้ำ ความผิดปกติของเส้นประสาท
  15. ในบัญชียาจากสมุนไพร ตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้โกฐเชียงหรือตังกุยในยารักษาอาการโรคในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย คือ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม มีปรากฏในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และช่วยแก้ลมจุกแน่นในท้อง, ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบอาหาร ที่มีปรากฏในตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” ซึ่งเป็นตำรับยาบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุพิการ ช่วยแก้ท้องเสียชนิดที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
  16. โกฐเชียงหรือตังกุยเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณของไทยหลายตำรับ โดยได้มีการนำมาใช้ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดโกฐ” ซึ่งมีสรรพคุณโดยรวมคือเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ร่วมกับมีเสมหะ แก้หืดไอ แก้หอบ แก้ลมในกองธาตุ ช่วยขับลม แก้สะอึก เป็นยาชูกำลัง บำรุงโลหิต และบำรุงกระดูก โกฐเชียงนั้นจะจัดอยู่ใน “พิกัดโกฐทั้ง 5“, “พิกัดโกฐทั้ง 7“, “พิกัดโกฐทั้ง 9” และ “พิกัดโกฐพิเศษ
  17. นอกจากนี้โกฐเชียงยังมีปรากฏในตำรับยาพระโอสถพระนารายณ์ ในตำรับ “ยาทรงนัตถุ์” ที่ประกอบไปด้วยสมุนไพร 15 ชนิด รวมทั้งโกฐเชียงด้วย โดยเป็นการนำตัวยาทั้งหมดมาบดให้เป็นผงละเอียดรวมกัน ใช้สำหรับนัตถุ์ ใช้ดม แก้อาการปวดศีรษะ วิงเวียน แก้สลบ แก้ริดสีดวงจมูก คอ และตา
ตังถั่งเช่า


สรรพคุณของถั่งเช่า

  1. เห็ดถั่งเช่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เพิ่มภูมิต้านทานโรค ทำให้ร่างกายสดชื่น ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย
  2. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยชะลอความแก่ชราและความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
  3. ช่วยในด้านอารมณ์ ช่วยระงับประสาท ทำให้จิตใจสงบ ลดอาการหงุดหงิดง่าย
  4. ช่วยเพิ่มความจำ ป้องกันโรคความจำเสื่อม ช่วยลดการตายของเซลล์ในสมอง
  5. ตังถั่งเช่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงหลอดเลือด
  6. ช่วยบำรุงปอด ช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอก
  7. ช่วยในเรื่องระบบทางเดินหายใจ แก้อาการไอเรื้อรัง รักษาถุงลมโป่งพอง ช่วยบำบัดโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  8. ช่วยบรรเทาและรักษาอาการของโรคหอบหืด
  9. ช่วยแก้วัณโรค ถุงลมโป่งพองหรืออาการผิดปกติในระบบปอดและหัวใจ
  10. ช่วยละลายเสมหะ หยุดอาการเลือดออกทางเสมหะ
  11. เชื่อว่ามันช่วยรักษามะเร็ง ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
  12. ช่วยลดความดันโลหิต อาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
  13. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานไวต่ออินซูลินมากขึ้น ช่วยจัดการน้ำตาลในร่างกายได้ดีขึ้น
  14. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และรักษาสมดุลของคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด
  15. ช่วยต่อต้านไม่ให้เกิดไขมันแข็งตัวจากการถูกออกซิไดซ์โดยอนุมูลอิสระ
  16. ช่วยป้องกันไขมันเลว (LDL) ไม่ให้เกาะในหลอดเลือด
  17. ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดให้คล่องตัว ช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มปริมาณของเลือดที่เข้าไปหล่อเลี้ยงปอดและหัวใจ เพิ่มระดับออกซิเจนและช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการขาดออกซิเจน
  18. ช่วยบำรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของตับและไตให้ดีขึ้น
  19. จากงานวิจัยพบว่าถั่งเช่าช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังมีอาการดีขึ้นมากถึง 51% หลังจากรักษาด้วยถั่งเช่าเพียง 1 เดือน
  20. สรรพคุณของถั่งเช่าช่วยรักษาคนไข้ที่ธาตุหยางพร่องในไต (หรืออาการปวดหลัง กลัวหนาว หัวเข่าเย็น หรือปัสสาวะบ่อย)
  21. มีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งพิษจากแบคทีเรีย รวมไปถึงแบคทีเรียวัณโรคด้วย
  22. ถั่งเช่ามีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
  23. สรรพคุณถั่งเช่าช่วยห้ามเลือด
  24. สำหรับนักกีฬาสมุนไพรชนิดนี้จะช่วยเพิ่มสมรรถนะของนักวิ่งให้ดียิ่งขึ้น
  25. ประโยชน์ถั่งเช่าสำหรับสตรี ใช้เป็นยาบำรุงช่วยทำให้มีบุตรง่ายขึ้น ช่วยปรับประจำเดือน ทำให้เลือดลมเดินดีขึ้น
  26. ประโยชน์ของถั่งเช่า ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ มีฤทธิ์บำรุงกำลังทางเพศ ช่วยให้อสุจิแข็งแรง เนื่องจากการกินถั่งเช่าจะส่งผลให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศมากขึ้น ซึ่งจากงานวิจัยในต่างประเทศพบว่าการกินถั่งเช่าวันละ 1 กรัม เป็นเวลา 46 วันจะช่วยให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มมากขึ้นถึง 64% เลยทีเดียว 
กระชายดำ


สรรพคุณของกระชายดำ

  1. จากการค้นคว้าเอกสารงานวิจัยพบว่า สมุนไพรไทยกระชายดำนั้นมีสรรพคุณมากมาย และสามารถช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้เกือบ 100 ชนิด
  2. ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยชะลอความแก่ มีคุณค่าทางคงกระพันชาตรี ด้วยการใช้เหง้านำมาหั่นเป็นแว่น แล้วนำไปตากแดดจนแห้ง นำมาบดให้เป็นผงละเอียดผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอน ใช้กินเช้าเย็น[1],[3],[6]
  3. ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ด้วยการใช้เหง้าผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นเป็นยาดองเหล้า (เหง้า)
  4. ว่านกระชายดำช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (เหง้า)
  5. ช่วยบำรุงผิวพรรณของสตรีให้สวยสดใส ดูผุดผ่อง (เหง้า)
  6. ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย หากสุภาพสตรีรับประทานแล้วจะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ (เหง้า)
  7. ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ บำรุงสมรรถภาพทางเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้าสดนำมาดองกับเหล้าขาวและน้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 กิโลกรัม : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งไว้ประมาณ 9-15 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มวันละ 1-2 เป๊ก (เหง้า) (กระชายดําไม่ได้เป็นยาปลุกอารมณ์ทางเพศ แต่ช่วยทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ง่ายและบ่อยขึ้น มีระยะเวลาในการแข็งตัวที่นานขึ้น และสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาดังกล่าวก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงได้)
  8. ช่วยกระตุ้นระบบประสาท บำรุงประสาท ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย (เหง้า)
  9. ช่วยในการนอนหลับ แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในตอนกลางคืน ช่วยทำให้นอนหลับดีขึ้น (เหง้า)
  10. ช่วยบำรุงหัวใจ[3],[8] ช่วยขยายหลอดเลือดหัวใจ แก้โรคหัวใจ (เหง้า)
  11. ช่วยบำรุงโลหิตของสตรี (เหง้า)
  12. ช่วยในระบบหมุนเวียนโลหิตของร่างกาย ทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น (เหง้า)
  13. ช่วยทำให้เจริญอาหาร (เหง้า)
  14. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต รักษาสมดุลของความดันโลหิต (เหง้า)
  15. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด (เหง้า)
  16. ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ (เหง้า)
  17. ช่วยแก้หอบหืด (เหง้า)
  18. ช่วยแก้อาการใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียน (เหง้า)
  19. เหง้าใช้ต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยรักษาสายตา (เหง้า)
  20. ช่วยรักษาแผลในช่องปาก ปากเป็นแผล ปากเปื่อย ปากแห้ง (เหง้า)
  21. ช่วยแก้โรคตานซางในเด็ก แก้ซางตานขโมยในเด็ก (เหง้า)
  22. ช่วยแก้อาการแน่นหน้าอก (เหง้า)
  23. ช่วยรักษาโรคในช่องท้อง มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ (เหง้า)
  24. ช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียด (เหง้า)
  25. ช่วยแก้อาการปวดท้อง ปวดมวนในท้อง อาการท้องเดิน (เหง้า)[ หากมีอาการท้องเดินให้ใช้เหง้านำมาปิ้งไฟให้สุกแล้วนำมาตำให้ละเอียด ใช้ผสมกับน้ำปูนใสแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มครั้งละ 3-5 ช้อนแกงหลังจากการถ่ายเนื่องจากมีอาการท้องเดิน (เหง้า)
  26. ช่วยรักษาโรคท้องร่วง (เหง้า)
  27. ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดความสมดุล (เหง้า)
  28. กระชายดำแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ (เหง้า)
  29. ช่วยรักษาโรคบิด แก้อาการบิดเป็นมูกเลือด (เหง้า)
  30. สรรพคุณกระชายดำ ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารอันเนื่องมาจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา (เหง้า)
  31. ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา แก้ปัสสาวะพิการ (เหง้า)
  32. ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี (เหง้า)
  33. ช่วยขับประจำเดือน แก้อาการประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี (เหง้า)
  34. เหง้าใช้โขลกผสมกับเหล้าขาวคั้นเป็นน้ำดื่ม ช่วยแก้โรคมดลูกพิการ มดลูกหย่อนได้ (เหง้า)
  35. ช่วยแก้ฝีอักเสบ (เหง้า)
  36. ช่วยรักษากลากเกลื้อน (เหง้า)
  37. ช่วยแก้อาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการเหนื่อยล้า (เหง้า),[9]
  38. ช่วยรักษาโรคปวดข้อ (เหง้า)
  39. ช่วยรักษาโรคเกาต์ (เหง้า)
  40. ช่วยแก้อาการเหน็บชา (เหง้า)
  41. กระชายดำช่วยขับพิษต่าง ๆ ในร่างกาย (เหง้า)
  42. ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น (เหง้า)
  43. กระชายดำมีฤทธิ์ในการช่วยรักษาเชื้อราที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคผิวหนัง (เหง้า)
  44. เหง้าใช้ต้มกับน้ำให้สตรีหลังคลอดบุตรดื่ม จะช่วยขับน้ำนม รักษาอาการตกเลือด และช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น (เหง้า)
เห็ดหลินจือ

เห็ดหลินจือ (อังกฤษLingzhi) เป็นยาจีน (Chinese traditional medicine) ที่ใช้กันมานานกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้เป็นต้นมา เห็ดหลินจือเป็นของหายากมีคุณค่าสูงในทางสมุนไพรจีน และได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ “เสินหนงเปินเฉ่า” ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่ที่สุดของจีนมีคนนับถือมากที่สุด ได้กล่าวไว้ว่า เห็ดหลินจือเป็น “เทพเจ้าแห่งชีวิต” (Spiritual essence) มีพลังมหัศจรรย์ บำรุงร่างกายใช้เป็นยาอายุวัฒนะในการยืดอายุออกไปให้ยืนยาว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และยังสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง

สรรพคุณ


ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่า เห็ดหลินจือทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น ให้พลังชีวิตมากขึ้น ใช้บำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีกำลัง ทำให้ความจำดีขึ้น ทำให้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ชัดเจนดีขึ้น ส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสีหน้าแจ่มใส ชะลอความแก่ ส่วนสรรพคุณอื่นๆที่ได้รวบรวมไว้ได้แก่ รักษาและต้านมะเร็ง รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ ปรับความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ ภาวะมีบุตรยาก การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคภูมิแพ้ โรคประสาท ลมบ้าหมู เส้นเลือดอุดตันในสมอง อัมพาต อัมพฤกษ์ ปวดเมื่อย ปวดข้อ โรคเกาต์ โรคเอสแอลอี เส้นเลือดหัวใจตีบ ตับแข็ง ตับอักเสบ ปวดประจำเดือน ริดสีดวงทวาร อาหารเป็นพิษ แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ บำรุงสายตา และความเชื่อดังกล่าว ยังคงสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันแม้จะไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันชัดเจน
เห็ดหลินจือได้ถูกบันทึกไว้ว่า มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติมาก กว่า 100 สายพันธุ์ และสำหรับสายพันธุ์ที่นิยมมีสรรพคุณทางยาดีที่สุดคือ กาโนเดอร์ม่า ลูซิดั่ม (Ganoderma lucidum) หรือสายพันธุ์สีแดง
เห็ดหลินจือมีสารโพลีแซคคาไรด์โดยใน ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ เห็ดหลินจือออกมาจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ เห็ดหลินจือแดงควรศึกษาตั้งแต่วิธีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะการจะได้เห็ดหลินจือที่มีคุณภาพที่ดีนั้น ตัวเห็ดหลินจือเอง จะต้องได้รับการเพาะเลี้ยงในสภาวะที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องความชื้น แสงสว่าง และสารอาหารที่ได้รับ ส่วนขั้นตอนการแปรรูป ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เพราะถือเป็นกระบวนการที่จะสกัดสารโพลีแซคคาไรด์จากตัวเห็ดเองออกมาให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้การบรรจุภัณฑ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้ความสนใจไม่แพ้กัน ควรเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถกันความชื้นได้ดี เพราะว่าความชื้นจะทำให้เห็ดหลินจือขึ้นราได้ เนื่องจากเห็ดหลินจือค่อนข้างไวต่อความชื้น

โกฐเขมา

สรรพคุณของโกฐเขมา

  1. เหง้าโกฐเขมามีรสเผ็ดขมหอม เป็นยาสุขุม ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยบำรุงธาตุ ช่วยทำให้เจริญอาหาร[1],[3],[4]
  2. ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้หวัดคัดจมูก แก้เหงื่อออกมาก แก้ไข้รากสาดเรื้อรัง แก้ลมตะกัง
  3. ใช้เป็นยาแก้หอบหืด ช่วยระงับอาการหอบคล้ายยาอีเฟรดริน
  4. ใช้เป็นยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ช่วยขับเสมหะ ขับพิษเสมหะ
  5. ใช้เป็นยาแก้โรคในปากในคอ โรคในปากในคอเป็นแผลเน่าเปื่อย
  6. เหง้าใช้เป็นยาขับลม ขับลมชื้นในกระเพาะอาหาร ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้จุกแน่น ช่วยย่อยอาหารในกระเพาะ และช่วยแก้เสียดแทงสองราวข้าว
  7. ใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย ท้องร่วง
  8. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
  9. ใช้เป็นยาแก้ผดผื่นคัน
  10. ใช้เป็นยาแก้โรคเข้าข้อ แก้ขาปวดบวม ขาไม่มีแรง ปวดข้อ
  11. สรรพคุณตามตำราการแพทย์แผนจีน ระบุว่า โกฐเขมานั้นมีฤทธิ์ขับลมและความชื้น, แก้ความชื้นกระทบส่วนกลาง (เบื่ออาหาร อาเจียน อึดอัดลิ้นปี่ จุกเสียด ท้องเสีย), ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดจากลมเย็นหรือความชื้น (จับไข้ หนาว ๆ ร้อน ๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว), ช่วยเสริมระบบการย่อยอาหาร และแก้อาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ
  12. แพทย์แผนโบราณของจีนจะนิยมใช้โกฐเขมามาก ใช้เข้ายาจีนหลายขนาน ตำรายาจีนจะใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย ท้องร่วง แก้ปวดข้อเนื่องจากข้ออักเสบ แก้อาการบวม (โดยเฉพาะอาการบวมที่ขา) แก้หวัด และแก้โรคตาบอดตอนกลางคืน โดยใช้ในขนาดประมาณ 3-9 กรัม นอกจากนี้ยังใช้โกฐเขมาเข้ากับยาอีกหลายตัว เป็นตำรายาแก้ตับอักเสบด้วย
  13. ในบัญชียาจากสมุนไพรตามประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้โกฐเขมารวม 2 ตำรับ คือ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม มีปรากฏในตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ที่มีส่วนประกอบของโกฐเขมาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้าร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน และช่วยแก้ลมจุกแน่นในท้อง และในกลุ่มยารักษาอาการทางระบบอาหาร มีปรากฏการใช้โกฐเขมาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ในตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุพิการ ช่วยแก้อาการท้องเสียชนิดที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
  14. โกฐเขมาเป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณของไทยหลายตำรับ และได้มีการนำมาใช้ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า “พิกัดโกฐ” โดยโกฐเขมานั้นจัดอยู่ใน “โกฐทั้งห้า” (เบญจโกฐ), “โกฐทั้งเจ็ด” (สัตตโกฐ) และ “โกฐทั้งเก้า” (เนาวโกฐ) ซึ่งมีสรรพคุณโดยรวมคือเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ร่วมกับมีเสมหะ แก้หืดไอ แก้หอบ แก้สะอึก แก้ลมในกองธาตุ ช่วยขับลม ใช้เป็นยาชูกำลัง บำรุงโลหิต บำรุงกระดูก
โกฐหัวบัว

สรรพคุณของโกฐหัวบัว

  1. เหง้ามีรสเผ็ด ขมเล็กน้อย เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อหัวใจ ตับ และถุงน้ำดี ใช้เป็นยาฟอกเลือด แก้เลือดน้อย แก้โรคโลหิตจาง บำรุงโลหิต ช่วยกระจายการตีบของเส้นเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดลมไหลเวียน (เหง้า)
  2. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หากใช้โกฐหัวบัวเข้ากับตำรายาจีน จะมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปวดศีรษะหรือปวดศีรษะข้างเดียวได้ผลมากขึ้น โกฐหัวบัวจึงเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับการแก้อาการปวดศีรษะโดยเฉพาะ (เหง้า)
  3. ใช้เป็นยาแก้เสมหะ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
  4. จีนจะใช้โกฐหัวบัวเป็นยาแก้หวัด แก้ไอ วัณโรค อาเจียนเป็นเลือด โรคเข้าข้อ ตกเลือด (เหง้า)
  5. ช่วยแก้อาการปวดหัวใจ (เหง้า)
  6. ใช้เป็นยาขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นหน้าอก แน่นท้อง แก้ลม ขับลมในลำไส้ แก้ลมในกองริดสีดวง กระจายลมทั้งปวง (ลมที่คั่งอยู่ในลำไส้เป็นตอน ๆ ทำให้ผายออกมา) (เหง้า)
  7. ใช้โกฐหัวบัวรักษาสตรีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนไม่มา หรือมีอาการปวดประจำเดือน (เหง้า)
  8. ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้อาการปวดจากเลือดคั่ง แก้ปวดข้อ ปวดกระดูก แก้ฟกช้ำปวดเจ็บต่าง ๆ รวมทั้งปวดฟัน (เหง้า)
  9. ช่วยขับลมชื้นในร่างกาย หรือใช้โกฐหัวบัวเข้ากับตำรายาจีน เพื่อเป็นยาขับลมชื้นในร่างกายและทำให้หายปวดเมื่อยตามร่างกาย (เหง้า)
  10. ส่วนใบมีกลิ่นหอมชื่นใจ ใช้เป็นยาขับพยาธิในท้อง แก้บิด เป็นยาขับลม เป็นยาฆ่าเชื้อ แก้ไอ แก้โรคประสาท และใช้เป็นส่วนผสมในยาแก้หวัดและแก้ท้องร่วง (ใบ)
  11. นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อนำโกฐหัวบัวไปเข้าตำรายารักษาโรคหัวใจ จะทำให้เส้นเลือดในหัวใจขยายตัวและลดความดันในเส้นเลือดได้ (เหง้า)
  12. โกฐหัวบัวจัดอยู่ในพิกัดโกฐ ได้แก่ โกฐทั้งห้า โกฐทั้งเจ็ด และโกฐทั้งเก้า ซึ่งมีสรรพคุณโดยรวมคือเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ร่วมกับเสมหะ แก้หืดไอ ขับลม บำรุงโลหิต บำรุงกระดูก (เหง้า)
  13. โกฐหัวบัวจะอยู่ในยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งได้แก่ ตำรับ “ยาหอมเทพจิตร” และตำรับ “ยาหอมนวโกฐ” ซึ่งมีส่วนประกอบของโกฐหัวบัวอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้า ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย คลื่นเหียน อาเจียน ใจสั่น แก้ลมจุกแน่นในท้อง (เหง้า)
  14. ในตำรายาพระโอสถพระนารายณ์ มีปรากฏการใช้โกฐหัวบัวในตำรับ “ยาทรงนัตถุ์” ซึ่งมีส่วนประกอบรวม 15 ชนิด รวมทั้งโกฐหัวบัว โดยนำตัวยาทั้งหมดมาบดรวมกันให้เป็นผงละเอียด ใช้สำหรับนัตถุ์หรือดมเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ แก้วิงเวียน แก้สลบ แก้ริดสีดวงจมูก คอ และตา และอยู่ในตำรับ “มโหสถธิจันทน์” อีกขนานหนึ่ง โดยมีส่วนประกอบรวม 16 สิ่ง รวมทั้งโกฐหัวบัวด้วย ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ทุกชนิด (เหง้า)
  15. ในตำรายาไทยมีการใช้โกฐหัวบัวใน “พิกัดจตุวาตะผล” ซึ่งเป็นตำรับยาจำกัดจำนวนตัวยาแก้ลมที่ประกอบไปด้วยผล 4 อย่าง อันได้แก่ โกฐหัวบัว กระลำพัก เหง้าขิงแห้ง และอบเชยเทศ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ แก้ไข้ แก้พรรดึก แก้ตรีสมุฏฐาน ขับผายลม แก้ลมกองริดสีดวง (เหง้า)
  16. นอกจากนี้ยังมีปรากฏการใช้โกฐหัวบัวในตำรับยาสมุนไพรประจำบ้าน ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอีกหลายตำรับ เช่น “ยามันทธาตุ” (แก้ธาตุไม่ปกติ แก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ), ตำรับ “ยาหอมเทพวิจิตร” (แก้ลม บำรุงหัวใจ), ตำรับ “ยาวิสัมพยาใหญ่” (แก้อาการจุกเสียด ท้องขึ้น อืดเฟ้อ) และในตำรับ “ยาประสะเปราะใหญ่” (ถอนพิษไข้ตานแทรกสำหรับเด็ก)
และตัวยาสำคัญอื่นๆอีกมากาย


ยาเม็ดปาซินซุ่ย ยาแผนโบราณ
เลขทะเบียนยาที่ G40/58
 1 ขวดมี 100 แคปซูน
ราคา ขวดละ 1,800 บาท 

ขนาดรับประทาน 
รับประทานวันละ 1 ครั้ง 
หลังอาหารเช้า
ครั้งละ 1 แคปซูน

สนใจติดต่อ 
📲0884257764
📲0937644269
📲LINE ID:makee58




ความคิดเห็น